Skip to content Skip to footer

รีวิว Summerjeen ซัมเมอร์+ปริญญาตรี โดยน้อง มีมี่

รีวิว Summerjeen ซัมเมอร์+ปริญญาตรี

ซัมเมอร์กว่างโจว – ฮาร์บิ้น

สวัสดีค่า เราชื่อมีมี่ อายุ 17 ปี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2017 เราเดินทางไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศจีน ภายใต้โครงการ Summerjeen ก่อนอื่นเราจะเล่าว่าทำไมเราถึงได้ตัดสินใจไปเรียนซัมเมอร์ที่จีน ช่วงที่เราเรียนจบมัธยมและกำลังจะเข้ามหาลัย เป็นช่วงเวลาที่เราว่างมากกกๆ เรารู้สึกว่าอยากกลับมารื้อฟื้นภาษาจีนที่เราเคยเรียนตอนประถม เลยเสริชหาข้อมูลบนกูเกิ้ลเรื่องเรียนซัมเมอร์ที่จีนและเว็บแรกที่ขึ้นมาก็คือของ Summerjeen ที่เลือกSummerjeenนี่ไม่ใช่เพราะว่าเราเจอเว็บแรกนะ แต่พอเรามาเทียบดูดีๆแล้ว จากรีวิวและรูปต่างๆ โครงการเค้าดูแลดีจริงๆ คุ้มราคาและมีคนไปเรียนเยอะพอสมควรเลยดูน่าเชื่อถือ คอร์สที่เราเลือกเรียนนั้นเป็นคอร์สหนึ่งเดือน ทางโครงการมีให้เลือกไปเรียนที่ ฮาร์บิน และ กว่างโจว ด้วยความที่เราเรื่องมากเลือกไม่ถูกเลยเลือกไปเรียนสองที่เลย555 แล้วทางโครงการก็ทำเรื่องให้เราได้ไปเรียน กว่างโจว1เดือน ฮาร์บิ้น1เดือน ถึงวันที่22เมษาา วันบินไปกว่างโจวว เราตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับ พอเราขึ้นเครื่องตอนตี2ก็ยังหลับไม่ลงเลย เราถึงกว่างโจวประมาณ6โมงเช้า ทางโครงการมีคนขับรถรับส่งถึงมหาลัย ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะติดต่อไม่ได้เพราะเค้าถือป้ายชื่อเรารออยู่ที่ประตูทางออก ซึ่งสะดวกมากๆ เก็บของขึ้นรถเสร้จก็หลับยาวๆจ้า เพราะสนามบินอยู่ห่างจากมหาลัย 1 ชั่วโมง ห้องเราอยู่ร่วมกับรูมเมทผู้หญิงคนไทย ซึ่งมากับโครงการซัมเมอร์จีนเหมือนกัน หอพักที่เราอยู่มีชื่อเรียกว่า กั๋วจี้โหล (国际楼) ห้องสองคนค่อนข้างกว้าง มีเตียงสองเตียง ตู้เสื้อผ้าสองตู้ โต๊ะเขียนหนังสือสองโต๊ะ ห้องน้ำและระเบียงให้พร้อม หอพักเรามีลิฟและร้านของชำสองร้านใต้หอซึ่งสะดวกดีไม่ต้องไปซื้อของใกล ส่วนสิ่งที่ต้องซื้อเพิ่มก็มีแค่ผ้าปูที่นอน ผ้าห่มและปลอกหมอน การสอบวัดระดับภาษาจีนง่ายและตรงตัวดี พอเราไปถึงออฟฟิส เหล่าซือก็จะยื่นโบรชัวร์มาให้เราอ่าน เราอ่านคำศัพท์จีนได้เยอขนาดไหน เค้าก็จะจัดให้เราเข้าไปอยู่ตามคลาสนั้น ห้อง A คือพึ่งเริ่มเรียน B คือปานกลาง C คือแอดวานซ์ ไล่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆแบบนี้ ส่วนเราได้อยู่คลาส B  คลาสเรียนเราเริ่มเรียน 8:50 ตารางเรียนแต่ละวันเราจะมีเรียนวิชาพูด เขียน อ่าน และฟัง ในคลาสที่เราเรียนอยู่มีคนประมาณ20กว่าคน มีทั้งคนคาซัคสถาน รัซเซีย เกาหลี ปากีสถาน อินโด และคนไทยเยอะมากๆๆๆ  มหาลัยเรามีคนไทยอยู่เกือบ 200 คน ไม่ต้องห่วงเลยว่าไปถึงจะพูดกับใครไม่รู้เรื่อง คนไทยที่นี่ให้ความช่วยเหลือกันดีมาก   หอเราห่างจากมหาลัยแค่10นาที เป็นระยะที่เดินไปได้แต่ถ้าหากรีบๆตื่นสายก็จะมีจักรยาน ofo ให้ปั่นไป สิ่งอำนวยความสะดวกภายในและรอบๆมหาลัยมีห้องสมุด ร้านกาแฟ โรงอาหาร และตลาดที่เราเรียกกันว่า ตงเหมิน (东门) ซึ่งมีร้านอาหาร ตลาดสด ร้านของชำ โรงแรมเล็กๆ และของกินเยอะแยะเต็มไปหมด เลิกเรียนส่วนใหญ่เรากับกลุ่มเพื่อนๆก็จะไปสิงสถิตอยู่ร้านกาแฟกัน ชีวิตความเป็นอยู่ในกว่างโจวก็จะเป็นประมาณนี้ เรียนเสร็จเที่ยง บางวันเสร็จบ่าย3 นั่งรถไฟใต้ดินไปเที่ยวห้างในเมือง ถนนคนเดิน สถานที่ท่องเที่ยวเช่นสวนสาธรณะ วัด หรือถ้าขี้เกียจนั่งรถไฟไปใกลๆก็มีห้างเล็กๆภายในเกาะที่มีทุกอย่างครบให้เรา ไม่ว่าจะร้านเสื้อผ้า ซุปเป้อมาร์เก็ต ร้านอาหาร ร้านซ่อมโทรศัพท์หรือโรงหนังก็มีจ้า   หลังจากหนึ่งเดือนเต็มๆก็มาถึงวันที่เราต้องเดินทางต่อไปฮาร์บิ้น เราขนเสื้อผ้ากันหนาวมาเยอะมากๆเพราะฮาร์บิ้นอยู่ทางเหนือของประเทศจีน แต่โชคดีที่ช่วงที่เราไปอากาศยังไม่หนาวมากเพราะเป็นเดือนพฤษภาเป็นช่วงหน้าร้อน น้ำแข็งพึ่งละลายไปไม่กี่เดือน   หอพักเราอยู่ร่วมกับพี่ๆผู้หญิงคนไทย4คน ซึ่งคนนึงก็มาผ่าน Summerjeen เหมือนกัน เจอคนจากSummerjeenเยอะมากก ในห้องมีสองห้องนอน 1ห้องครัว และ1ห้องน้ำ แต่ไม่มีแอร์เลย เพราะฮาร์บิ้นอากาศหนาวมากๆ ตอนกลางคืนลงต่ำกว่า 10°c แทบทุกวัน     หอเราอยู่ใกล้กับที่เรียน เดินไป5นาทีก็ถึง เนื้อหาที่เรียนก็คล้ายๆกับที่กว่างโจวเลย มีวิชาพูด ฟัง อ่าน และ เขียน ในห้องเรามีคนเกาหลี ไทย และมองโกเลีย รวมๆกัน20คน คุณครูมีกินเลี้ยงกับนักเรียนกันอยู่บ่อยๆ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นดีมาก ใกล้ๆ มหาลัยมีห้างใหญ่ห้างนึง ตลาดสด โซนร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวเช่นวัดดังๆ ในระยะที่เดินไปได้ ฮาร์บิ้นจะสงบกว่ากว่างโจวเนื่องจากเป็นเมืองที่เล็กกว่า ส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวจะเป็นพิพิธภัณฑ์หรือวัด ส่วนตัวเราเราชอบทั้งสองเมืองเลย สิ่งที่เราได้รับจากการไปซัมเมอร์กับ Summerjeen สองเดือน คือ ภาษาจีนเราดีขึ้นเยอะและมั่นใจในการพูดคุยขึ้น สำหรับคนที่กำลังเรียนภาษาจีนมาหลายปีแต่ยังไม่คล่องขึ้นเลย เราแนะนำให้ลองไปซัมเมอร์ที่สถานที่จริง ได้ใช้กับเจ้าของภาษา และเรียนรู้จากการเอาตัวรอดเอง แบบนี้เป็นวิธีที่เรียนได้เร็วที่สุด    

ปริญญาตรีที่จีน

อย่างที่เราบอกไปต้นบทความ ช่วงเวลาที่เราไปซัมเมอร์ที่จีนนั้นเป็นช่วงเวลารอเปิดเทอมมหาลัยที่ไทย เราก็แพลนว่าเรียนซัมเมอร์จบก็จะกลับไปเรียนมหาลัยต่อที่ไทย แต่ปัจจุบันนี้เราเป็นนักศึกษา ปี 2 อยู่มหาวิทยลัยหัวกง 华南理工大学 หรือ South China University of Technology ที่กว่างโจว ต่อไปนี้เราจะเล่าว่าอะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนใจย้ายไปเรียนที่จีน เรื่องการสมัครปริญญาตรี การขอทุน และเรื่องเรียน ตั้งแต่ตอนเราไปซัมเมอร์ครั้งแรกเราก็รู้สึกชอบกว่างโจวทันที ทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาหารที่อร่อย ของราคาถูก อากาศที่เย็นสบายปลอดมลพิษ ถูกใจเรามากๆ วันแรกที่เราไปถึงออฟฟิสนอกจากสอบวัดระดับแล้ว เราก็ได้พูดคุยกับเหล่าซือเรื่องเรียนต่อ เหล่าซือแนะนำว่าด้วยวุฒิ IGCSE ที่เราสอบเทียบจบมัธยมมา สามารถยื่นสมัครหลักสูตรนานาชาติของทางมหาลัยได้ซึ่งส่วนใหญ่วุฒิที่เราสอบเทียบมายื่นเข้ามหาลัยได้แค่ที่ไทย เราเลยเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา   ช่วงเวลาที่เรียนซัมเมอร์อยู่กว่างโจวเราได้รู้จักกับพี่ๆที่เรียนปริญญาตรีอยู่ที่มหาลัยและได้รับคำแนะนำข้อมูลและการชักจูงต่างๆ เราเลยมีข้อมูลเรื่องการเรียนต่อเพิ่ม ไม่ว่าจะเรื่องการขอทุน หอพัก ตารางการเรียน วิชาเสริม กิจกรรมของมหาลัย เอกสารที่ต้องใช้ วิทยานิพนธ์ตอนจบ แม้แต่กลุ่มวีแชทของรุ่นที่เรียนอยู่เราก็โดนลากเข้าแล้ว เสมือนว่าเรากำลังจะเป็นนักศึกษาที่นี่จริงๆ     หลังจากที่ลังเลอยู่นาน ด้วยความเสียดายมหาลัยที่ไทยด้วย เราเลยกลับมาคิดทบทวนดูดีๆอีกที เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ความเป็นอยู่ กลุ่มเพื่อนๆ และที่สำคัญทุนการศึกษา ซึ่งเราจะให้ลายละเอียดภายหลัง เราเลยโทรปรึกษาพ่อแม่เรา พ่อกับแม่รู้สึกดีใจมากที่เราอยากจะเรียนต่อที่จีน ด้วยความที่ฝ่ายคุณพ่อก็เป็นเชื้อสายจีนอยู่แล้วเลยยิ่งสนับสนุนกัน สุดท้ายเราก็ตัดสินใจมาเรียนต่อที่มหาวิทยลัยหัวกง กว่างโจว   เอกสารที่เราต้องใช้สมัครปริญญาตรีมีวุฒิจบมัธยม (แปลจีนหรืออังกฤษ) ใบเกรดตอนจบ และ สำเนาพาสพอร์ท เอกสารน้อยกว่าที่เราใช้สมัครเข้ามหาลัยที่ไทยอีก! ส่วนเอกสารการสมัครทุนแค่ต้องกรอกฟอร์มที่ทางมหาลัยส่งมาให้พร้อมกับเขียนเอสเสประมาณ 100 กว่าคำ เขียนประวัติของตัวเอง ความสำเร็จ ผลงานรางวัลต่างๆและแผนการเรียนของเรา ทั้งหมดนี้ต้องเขีนยเป็นภาษาจีนหรืออังกฤษเท่านั้น ความดีงามอยู่ตรงที่ไม่มีการสอบแข็งขัน! ขั้นตอนไม่ยากเลย   ทุนที่เราสมัครคือทุนรัฐบาลกวางตุ้งหรือ Guangdong Government Outstanding International Student Scholarship ซึ่งเป็นทุน 10,000 หยวน เงินทุนจะถูกโอนเข้ามาในบัญชีธนาคารเราหลังจากการเปิดเรียน 3 เดือน เราขอทุนเมื่อตอนเปิดเทอมเรียนต้นกันยา 2017 และได้รับทุนประมาณวันที่ 27 ธันวา 2017 สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้อยู่ในรายชื่อการคัดนักเรียนที่ได้ทุนก็คือ มีความประพฤติดี มีเกรดเฉลี่ยที่ไม่ต่ำเกิน 3.0 และที่สำคัญเข้าเรียนตรงเวลาและไม่ขาดเกิน 10-20% ของคลาสเรียน โดยหลักๆ ผลการเรียนดี + การเข้าเรียนสม่ำเสมอจะได้รับการประเมิน   ทางมหาลัยมีทั้งภาคภาษาจีนและหลักสูตรนานาชาติ เราเลือกเรียนภาคภาษาจีนล้วนเพราะอยากเน้นเรื่องภาษา ทางมหาลัยจะให้เลือกคณะตอนเราขึ้นปี 3 ซึ่งดีตรงที่มีเวลาให้เราตัดสินใจว่าอยากเรียนสาขาวิชาอะไร   เรื่องสุดท้ายยเผื่อมีใครสงสัย ทำไมเราอายุแค่ 17 ถึงขึ้นเรียนป.ตรี ปี 2 ได้? นั้นก็เป็นเพราะว่าทางมหาลัยรับผลการสอบ HSK เป็นการเลื่อนชั้น โดยถ้าสอบ HSK 4 จะได้ขึ้นปี 2 และ HSK 5 จะได้ขึ้นปี 3 ซึ่งทำให้ประหยัดเรื่องค่าเทอมและค่าใช้จ่ายของเราไปอีก แต่ก็ต้องมีการสอบเก็บหน่วยกิตของปีที่เราพาสข้ามตอนเปิดเทอม   สุดท้ายแล้ว เราไม่เคยรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจไปเรียนกว่างโจวเลย แม้ว่าจะมีเหนื่อยบ้าง แต่รวมๆแล้วก็มีแต่เรื่องดีๆเข้ามา ที่ทำให้การอยู่จีนของเรามีความสุขและสนุกสนาน สุดท้ายอยากขอบคุณการดูแลของ Summerjeen ที่ช่วยทำให้เราได้ไปเรียนที่จีนอย่างราบรื่น  

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

โทร 086-403-2730
Line ID : GoSummerJeen

ดูโครงการ SummerJeen

ที่เปิดรับสมัครอยู่ตอนนี้

คลิกที่นี่

เพื่อไปหน้าแรก
Click Here